กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ
ภัทราภรณ์ พวงศรี
จากช่วงที่สำรวจอนามัยโพล เดือนพฤศจิกายน 2567 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะเกิดปัญหา PM2.5 ที่จะเริ่มเกิดขึ้นในช่วงเดือน ธ.ค. เป็นต้นไป โดยจะพบ PM2.5 เริ่มเกินมาตรฐาน (ระดับสีส้ม) ในพื้นที่ภาคกลาง กรุงเทพ และปริมณฑล ผู้ตอบอนามัยโพล ร้อยละ 55 ตอบว่าในชุมชนหรือบริเวณที่อยู่อาศัยของตนเอง มีปัญหา PM2.5 ในขณะที่ ร้อยละ 45 ตอบว่าในชุมชนที่อาศัยอยู่ไม่มีปัญหา PM2.5 ทั้งนี้ ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่มีความวิตกกังวลหรือกลัวว่าฝุ่น PM2.5 จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคนในครอบครัว ในระดับเล็กน้อยถึงปานกลางที่ร้อยละ 58 ในระดับมากถึงมากที่สุดที่ร้อยละ 33 ในขณะที่มีผู้ตอบว่าไม่กังวลเลย ร้อยละ 9 ตามลำดับ
สำหรับพฤติกรรมการเตรียมตัวดูแลสุขภาพของตนเองและคนในครอบครัว ในช่วงก่อนเกิดปัญหา PM2.5 พบว่า 3 อันดับแรก ตอบว่าเตรียมสำรองหน้ากากป้องกันฝุ่น ที่ร้อยละ 76 ในขณะที่ ตอบว่าเตรียมทำความสะอาดบ้าน ล้างแอร์ พัดลม ร้อยละ 57 และทำความเข้าใจค่าสี PM2.5 และคำแนะนำการปฏิบัติตน ร้อยละ 44 ตามลำดับ
เมื่อถามถึงแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการป้องกันตัวเองจากฝุ่น PM2.5 ที่ผู้ตอบได้รับมากที่สุด 3 อันดับแรกคือ จาก Social Media เช่น Facebook / Line / Twitter / Website ร้อยละ 74 รองลงมาคือ สื่อโทรทัศน์ ร้อยละ 47 และโรงพยาบาล/ศูนย์บริการสาธารณสุข/คลินิก ร้อยละ 41 ตามลำดับ
ผู้ตอบแบบสำรวจมีประเด็นที่อยากให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขดำเนินการเพื่อดูแลสุขภาพของประชาชนจากปัญหาฝุ่น PM2.5 ใน 3 อันดับแรก คือ การให้บริการความรู้ ข้อมูลข่าวสารและการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพที่ประชาชนเข้าถึงได้ ร้อยละ 44 รองลงมา คือ การเฝ้าระวังและแจ้งเตือนในชุมชน เกี่ยวกับสถานการณ์และความเสี่ยงต่อสุขภาพ ร้อยละ 20 และการบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อควบคุมจัดการปัญหา PM2.5 ร้อยละ 16 ตามลำดับ โดยผู้ตอบแบบสำรวจอยากให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขสื่อสารให้ความรู้เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องต่อไปนี้ ใน 3 อันดับแรก คือ การให้ความรู้เกี่ยวกับอาการและผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก ร้อยละ 41 รองลงมาคือการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสารอันตรายที่อยู่ในฝุ่น PM2.5 และการดูแลตนเองเบื้องต้นเมื่อมีอาการ โดยมีสัดส่วนเท่ากันที่ร้อยละ 19 ตามลำดับ และการเลือกและใช้หน้ากากกันฝุ่นที่ถูกต้อง ที่ร้อยละ 10 ตามลำดับ
จากผลการสำรวจอนามัยโพล มีข้อเสนอให้เสนอให้กองส่งเสริมความรอบรู้และสื่อสารสุขภาพ กองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ และทีม SEhRT กรณี PM 2.5 ทั้งส่วนกลางกรมอนามัย และศูนย์อนามัยที่ 1 – 12 และสถาบันสุขภาวะเขตเมือง นำผลสำรวจอนามัยโพลไปเป็นข้อมูลประกอบเพื่อการวางแผนในการเพิ่ม ประสิทธิภาพการดำเนินมาตรการทางการแพทย์และสาธารณสุข กรณี PM 2.5 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ การสื่อสารสร้างความเข้าใจให้ประชาชนปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้อง ในประเด็นดังนี้
1. การสื่อสารและสร้างความรอบรู้ เพื่อพัฒนากระบวนการสื่อสารและสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพเกี่ยวกับปัญหา PM2.5 ให้ประชาชนสามารถเข้าใจ ป้องกัน และดูแลตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาช่องทางการสื่อสาร และออกแบบเนื้อหาและช่องทางการสื่อสารที่ประชาชนส่วนใหญ่เข้าถึงได้ โดยเฉพาะทาง Social Media และสื่อโทรทัศน์ การสร้างคอนเทนต์ที่เข้าใจง่าย กระชับ และน่าสนใจ ครอบคลุมประเด็นสำคัญที่คนส่วนใหญ่ต้องการรู้ ได้แก่
• อาการและผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่น PM2.5
• สารอันตรายที่อยู่ในฝุ่น PM2.5
• วิธีการดูแลตนเองเบื้องต้น
• ส่งเสริมให้ประชาชนมีทักษะการป้องกันตนเอง เช่น การใช้หน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง
2. ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อดูแลสุขภาพของประชาชนจากปัญหาฝุ่น PM2.5 ในประเด็นที่ผู้ตอบอยากให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขเร่งดำเนินการ ได้แก่
• การให้บริการความรู้ ข้อมูลข่าวสารและการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพที่ประชาชนเข้าถึงได้
• การเฝ้าระวังและแจ้งเตือนในชุมชน เกี่ยวกับสถานการณ์และความเสี่ยงต่อสุขภาพ
• การบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อควบคุมจัดการปัญหา PM2.5 เป็นต้น
กรมอนามัย ได้ดำเนินการสำรวจอนามัยโพลเรื่อง “ฝุ่นไม่เคยจิ๋ว อย่าชิลล์กับ PM2.5” เพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการเตรียมตัวในการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่น PM2.5 เพื่อนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในการจัดทำข้อเสนอเพื่อการวางแผนดำเนินงานตามมาตรการทางการแพทย์และสาธารณสุขกรณี PM2.5 และการสื่อสารสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพแก่ประชาชนต่อไป โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 1 – 30 พฤศจิกายน 2567 มีผู้ตอบ 1,171 คน สรุปผลการสำรวจ ดังนี้
ผู้ตอบส่วนใหญ่ ตอบว่าในชุมชนหรือบริเวณที่อยู่อาศัยของตนเอง มีปัญหา PM2.5 ร้อยละ 55 ในขณะที่ ร้อยละ 45 ตอบว่าในชุมชนที่อาศัยอยู่ไม่มีปัญหา PM2.5 รายละเอียดดังตารางที่ 1
ตารางที่ 1 ในชุมชนหรือบริเวณที่ท่านอยู่มีปัญหา PM2.5 หรือไม่
อันดับ |
ประเด็น |
จำนวน |
ร้อยละ |
1 |
มี |
647 |
55 |
2 |
ไม่มี |
524 |
45 |
เมื่อถามถึงความวิตกกังวลหรือกลัวว่าฝุ่น PM2.5 จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของตนเองและคนในครอบครัว โดยวิเคราะห์แบบจัดกลุ่มรวมเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง พบที่ร้อยละ 58 และในกลุ่มระดับมากถึงมากที่สุดที่ร้อยละ 33 ในขณะที่มีผู้ตอบว่าไม่กังวลเลย ร้อยละ 9 ตามลำดับ รายละเอียดดังตารางที่ 2
ตารางที่ 2 คุณกังวลว่า PM2.5 จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคุณและคนในครอบครัวระดับใด
อันดับ |
ประเด็น |
จำนวน |
ร้อยละ |
1 |
กังวลปานกลาง |
371 |
32 |
2 |
กังวลเล็กน้อย |
308 |
26 |
3 |
กังวลมาก |
276 |
23 |
4 |
กังวลมากที่สุด |
115 |
10 |
5 |
ไม่กังวล |
101 |
9 |
สำหรับการเตรียมการป้องกันและดูแลสุขภาพของตนเองและคนในครอบครัว ในช่วงก่อนเกิดปัญหา PM2.5 พบว่า ผู้ตอบร้อยละ 76 ดำเนินการสำรองหน้ากากป้องกันฝุ่น รองลงมา คือ การทำความสะอาดบ้าน ล้างแอร์ พัดลม คิดเป็นร้อยละ 57 และการทำความเข้าใจค่าสี PM2.5 และคำแนะนำในการปฏิบัติตน คิดเป็นร้อยละ 44 ตามลำดับอย่างไรก็ตาม จากผลการสำรวจยังพบว่า มีผู้ที่ไม่ได้เตรียมการใดๆ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก คิดเป็นร้อยละ 2 รายละเอียดดังตารางที่ 3
ตารางที่ 3 ในช่วงก่อนเกิดปัญหา PM2.5 ท่านเตรียมตัวดูแลสุขภาพของตนเองและคนในครอบครัวอย่างไร
อันดับ |
ประเด็น |
จำนวน |
ร้อยละ |
1 |
สำรองหน้ากากป้องกันฝุ่น |
886 |
76 |
2 |
ทำความสะอาดบ้าน ล้างแอร์ ล้างพัดลม |
670 |
57 |
3 |
ทำความเข้าใจค่าสี PM2.5 และคำแนะนำในการปฏิบัติตนแต่ละระดับ |
513 |
44 |
4 |
ออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพให้ร่างกายแข็งแรง |
407 |
35 |
5 |
ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ |
215 |
18 |
6 |
ปลูกต้นไม้ เพื่อดักฝุ่น |
173 |
15 |
7 |
เตรียมยาประจำตัว |
89 |
8 |
8 |
เตรียมห้องปลอดฝุ่น |
33 |
3 |
9 |
ไม่ได้เตรียมตัวเลย |
24 |
2 |
ผู้ตอบแบบสำรวจ ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการป้องกันตัวเองจากฝุ่น PM2.5 จากแหล่งข้อมูลต่างๆ โดยแหล่งข้อมูลที่ผู้ตอบส่วนใหญ่ได้รับข้อมูลมากที่สุด 3 อันดับแรกคือ จาก Social Media เช่น Facebook / Line / Twitter / Website ร้อยละ 74 รองลงมาคือ สื่อโทรทัศน์ ร้อยละ 47 และโรงพยาบาล/ศูนย์บริการสาธารณสุข/คลินิก ร้อยละ 41 ตามลำดับ รายละเอียดดังตารางที่ 4
ตารางที่ 4 คุณได้รับข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการป้องกันตัวเองจากฝุ่น PM2.5 จากแหล่งใดบ้าง ?
อันดับ |
ประเด็น |
จำนวน |
ร้อยละ |
1 |
สื่อสังคมออนไลน์ เช่น Line, Facebook, Instagram, Website |
863 |
74 |
2 |
โทรทัศน์ |
556 |
47 |
3 |
โรงพยาบาล /ศูนย์บริการสาธารณสุข /คลินิก |
486 |
41 |
4 |
อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) /อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) |
328 |
28 |
5 |
เว็บไซต์ของหน่วยงานรัฐ |
320 |
27 |
6 |
แอปพลิเคชัน Air4Thai |
164 |
14 |
7 |
วิทยุ /เสียงตามสายชุมชน /หอกระจายข่าว |
90 |
8 |
8 |
แอปพลิเคชัน Life Dee |
54 |
4 |
9 |
แผ่นพับหรือโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ |
53 |
4 |
10 |
อื่นๆ |
10 |
1 |
จากผลการสำรวจพบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจอยากให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขดำเนินการเพื่อดูแลสุขภาพของประชาชนจากปัญหาฝุ่น PM2.5 ในประเด็นที่ต้องการมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ การให้บริการความรู้ ข้อมูลข่าวสารและการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพที่ประชาชนเข้าถึงได้ ร้อยละ 44 รองลงมา คือ การเฝ้าระวังและแจ้งเตือนในชุมชน เกี่ยวกับสถานการณ์และความเสี่ยงต่อสุขภาพ ร้อยละ 20 และการบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อควบคุมจัดการปัญหา PM2.5 ร้อยละ 16 ตามลำดับ รายละเอียดดังตารางที่ 5
ตารางที่ 5 หน่วยงานด้านสาธารณสุขต้องดำเนินการเรื่องใดมากที่สุด
อันดับ |
ประเด็น |
จำนวน |
ร้อยละ |
1 |
ให้บริการความรู้ ข้อมูลข่าวสาร และการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพที่ประชาชนเข้าถึงได้ |
512 |
44 |
2 |
เฝ้าระวังและแจ้งเตือนในชุมชน เกี่ยวกับสถานการณ์และความเสี่ยงต่อสุขภาพ |
234 |
20 |
3 |
บังคับใช้มาตรการทางกฎหมาย เพื่อควบคุมจัดการปัญหา PM2.5 |
193 |
16 |
4 |
พัฒนาศักยภาพให้ความรู้แก่ อสม. ให้มีความเข้าใจและสามารถนำไปบอกต่อในชุมชนได้ |
96 |
8 |
5 |
ทีมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่/อสม ออกเยี่ยมบ้าน ให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพ และติดตามดูแลกลุ่มเสี่ยง |
74 |
6 |
6 |
แจกอุปกรณ์วัดค่าฝุ่น อุปกรณ์ป้องกันแก่กลุ่มเสี่ยง เช่น หน้ากากกันฝุ่น |
34 |
3 |
7 |
มีการให้บริการด้านสาธารณสุข เช่น เปิดคลินิกมลพิษ เตรียมห้องปลอดฝุ่น สายด่วน ระบบรักษาส่งต่อผู้ป่วย |
25 |
2 |
8 |
อื่นๆ |
3 |
1 |
ผู้ตอบแบบสำรวจอยากให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขสื่อสารให้ความรู้เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องต่อไปนี้ 3 อันดับแรก (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) คือ การให้ความรู้เกี่ยวกับอาการและผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก คิดเป็นร้อยละ 41 รองลงมาคือ การให้ข้อมูลเกี่ยวกับสารอันตรายที่อยู่ในฝุ่น PM2.5 และการดูแลตนเองเบื้องต้นเมื่อมีอาการ โดยมีสัดส่วนเท่ากันที่ร้อยละ 19 และการเลือกและใช้หน้ากากกันฝุ่นที่ถูกต้อง ที่ร้อยละ 10 ตามลำดับ รายละเอียดดังตารางที่ 6
ตารางที่ 6 ท่านอยากให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขสื่อสารให้ความรู้เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องใดมากที่สุด
อันดับ |
ประเด็น |
จำนวน |
ร้อยละ |
1 |
อาการ/ผลกระทบต่อสุขภาพจาก PM2.5 |
478 |
41 |
2 |
สารอันตรายที่อยู่ในฝุ่น PM2.5 |
226 |
19 |
3 |
การดูแลตนเองเบื้องต้น เมื่อมีอาการจาก PM2.5 |
218 |
19 |
4 |
การเลือกและใช้หน้ากากกันฝุ่นที่ถูกต้อง |
120 |
10 |
5 |
การทำบ้าน/ห้องปลอดฝุ่น หรือ มุ้งสู้ฝุ่น |
57 |
5 |
6 |
การปลูกต้นไม้ดักฝุ่น |
26 |
2 |
7 |
วิธีอ่านค่า PM2.5 |
25 |
2 |
8 |
การเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศ |
11 |
1 |
9 |
เรื่องอื่นๆ เช่น การออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านที่ปลอดภัยเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพ จากโรคต่างๆที่เกิดจากฝุ่นจิ๋ว |
10 |
1 |
ผู้ตอบแบบสำรวจ 1,171 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 82 ส่วนใหญ่มีอายุอยู่ในช่วง 25 - 44 ปี
ร้อยละ 40 รองลงมาคือ 45 - 59 ปี ร้อยละ 39 และอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 18 ตามลำดับ มีอาชีพรับราชการ/รัฐวิสาหกิจ/พนักงานของรัฐ/ลูกจ้างรัฐ ร้อยละ 35 รองลงมาคือ อสม. ร้อยละ 20 และเกษตรกร ร้อยละ 12ตามลำดับ เป็นผู้ที่อาศัยอยู่พื้นที่การดูแลของเทศบาลตำบล ร้อยละ 45 รองลงมาคือ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ร้อยละ 19
ข้อมูลทั่วไป |
จำนวนผู้ตอบ |
ร้อยละ |
เพศ |
||
หญิง |
955 |
82 |
ชาย |
181 |
15 |
LGBTQIAN+ |
35 |
3 |
อายุ |
||
ต่ำกว่า 15 ปี |
- |
- |
15 - 24 ปี |
35 |
3 |
25 - 44 ปี |
468 |
40 |
45 - 59 ปี |
457 |
39 |
60 ปี ขึ้นไป |
211 |
18 |
อาชีพ |
||
รับราชการ/รัฐวิสาหกิจ/พนักงานของรัฐ/ลูกจ้างรัฐ |
412 |
35 |
อสม. |
236 |
20 |
เกษตรกร |
140 |
12 |
แม่บ้าน/พ่อบ้าน |
87 |
7 |
ธุรกิจส่วนตัว/ค้าขาย/อาชีพอิสระ |
87 |
7 |
รับจ้างทั่วไป |
78 |
7 |
พนักงานบริษัทเอกชน/ลูกจ้างเอกชน |
50 |
4 |
เกษียณราชการ |
38 |
3 |
นักเรียน/ นักศึกษา |
27 |
2 |
อื่นๆ |
10 |
1 |
ว่างงาน/ระหว่างรองาน |
6 |
1 |
เขตการปกครอง |
||
เขตการปกครองรูปแบบพิเศษ (กทม./พัทยา) |
182 |
16 |
เทศบาลตำบล |
532 |
45 |
เทศบาลนคร |
105 |
9 |
เทศบาลเมือง |
135 |
11 |
องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) |
217 |
19 |
Writer | |
ภัทราภรณ์ พวงศรี |
Editor | |
สุนิสา มะลิวัลย์ |
Executive Editor | |
เบญจวรรณ ธวัชสุภา |
Data Developer | |
สุธาสินี จันส่ง |
Graphic & Web Design | |
วิษณุ ศรีวิไล | |
มนุษย์ผู้เชื่อวันพีซมีจริง |
Proofreader | |
นัฐพร รอดสุข | |
คณะสาธารณสุขศาสตร์ สาขาอนามัยสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม |