กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ
เบญจวรรณ ธวัชสุภา
กรมอนามัย ได้ดำเนินการเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพจาก PM2.5 เชิงรุก โดยให้ประชาชนสำรวจอาการตนเอง และพฤติกรรมการปฎิบัติตนเพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ ด้วยเครื่องมือ 4health PM2.5 โดยในปีงบประมาณ 2567 เริ่มเฝ้าระวังตั้งแต่ 14 ธันวาคม 2566 - 18 เมษายน 2567 มีผู้ร่วมตอบรวม 27,713 คน ดังนี้
สรุปผลปัจจัยที่ส่งผลให้มีอาการเกี่ยวกับ PM2.5
1) สถานการณ์และปัจจัยที่ส่งผลให้มีอาการเกี่ยวกับ PM2.5 โดยแยกพื้นที่ภาพรวมทั้งประเทศ กับ 8 จังหวัดภาคเหนือ
ภาพประเทศ พบผู้ที่มีอาการที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัส PM2.5 คิดเป็น ร้อยละ 34.76 โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อการมีอาการ ได้แก่ เพศ อายุ มีโรคประจำตัว และพฤติกรรมป้องกันตนเอง (โดยมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ P-value < 0.05) โดยค่า Adjusted Odd ratios ปรับฐานด้วยปัจจัยที่ส่งผลต่อการมีอาการข้างต้น สรุปผลดังตารางที่ 2 และ 3 ได้ดังนี้
เมื่อวิเคราะห์เฉพาะพื้นที่เสี่ยงฝุ่นสูง ใน 8 จังหวัดภาคเหนือ พบผู้ที่มีอาการที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัส PM2.5 คิดเป็น ร้อยละ 28.28 โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อการมีอาการ ได้แก่ เพศ อายุ มีโรคประจำตัว (โดยมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ P-value < 0.05) โดยค่า Adjusted Odd ratios (ปรับฐานด้วยปัจจัยที่ส่งผลต่อการมีอาการได้แก่ เพศ กลุ่มอายุ และโรคประจำตัว) สรุปผล ได้ดังนี้
2) เมื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลให้มีอาการเกี่ยวกับ PM5 แยกรายพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากฝุ่น
ภาพประเทศ พบว่าพฤติกรรมที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดอาการที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัส PM2.5 (อย่างน้อย 1 อาการขึ้นไป) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (ที่ P-value < 0.05) แสดงด้วยค่า Adjusted Odd ratios (ปรับฐานด้วย เพศ อายุ และโรคประจำตัว) สรุปผลดังตารางที่ 2 และ 3 ดังนี้
ข้อมูลเฉพาะพื้นที่เสี่ยงฝุ่นสูง 8 จังหวัดภาคเหนือ พบว่าพฤติกรรมที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดอาการที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัส PM2.5 (อย่างน้อย 1 อาการขึ้นไป) อย่างมีนัยสำคัญ (ที่ P-value < 0.05) แสดงด้วยค่า Adjusted Odd ratios (ปรับฐานด้วย เพศ กลุ่มอายุ และโรคประจำตัว) สรุปผลดังตารางที่ 2 และ 3 ดังนี้
ข้อเสนอต่อกรมอนามัย
1) กองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ เตรียมการเฝ้าระวังเชิงรุกและและสื่อสารแจ้งเตือนผลกระทบต่อสุขภาพจาก PM2.5 ตามมาตรการด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณี PM2.5 โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สุงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้ที่มีพฤติกรรมป้องกันตนเองที่ไม่ดี และโดยเฉพาะเพศหญิง เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะมีอาการมากกว่ากลุ่มอื่น
2) กองส่งเสริมความรอบรู้และสื่อสารสุขภาพ ควรสื่อสารเน้นย้ำให้ประชาชนปฏิบัติตนเพื่อป้องกันตนเองจาก PM2.5 โดยเฉพาะพฤติกรรมที่สำคัญ ที่พบว่าช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการเกี่ยวกับ PM2.5 ได้ โดยเฉพาะ การงดการเผาขยะ/กระดาษ จุดธูป งดการออกกำลงกายกลางแจ้ง และการตรวจเช็คคุณภาพอากาศก่อนออกนอกบ้าน และ เป็นต้น
3) กองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ ร่วมกับศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ วางแผนการเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพ ในพื้นที่เสี่ยง 8 จังหวัดภาคเหนือ เนื่องจากพบผู้มีอาการมีน้ำมูก ตาแดง เสียงแหบ มากกว่าพื้นที่อื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และวางแผนเพื่อการสื่อสารแจ้งเตือนช่วงวิกฤตฝุ่นในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 1 อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นย้ำให้ประชาชนมีพฤติกรรมที่สำคัญที่ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดอาการที่เกี่ยวข้องกับ PM2.5 ได้แก่ การตรวจเช็คคุณภาพอากาศก่อนออกนอกบ้าน การปิดประตูหน้าต่าง และงดการเผาขยะ/กระดาษ จุดธูป เป็นต้น
Writer | |
เบญจวรรณ ธวัชสุภา |
ภาคผนวก 4health อนามัยพยากรณ์.pdf |
ขนาดไฟล์ 453KB
ดาวน์โหลด 6 ครั้ง
|
ดาวน์โหลด
แจ้งไฟล์เสีย |